ยาคุมกำเนิด



ชื่อกลุ่ม: First class
หัวข้อ:ยาคุมกำเนิด
รายชื่อสมาชิก
1.นางสาวทิติมา สุภาพ 60010911173 GM ปกติ
2.นางสาวญาณิศา แดนวงดอน 60010911130 GM ปกติ
3.นางสาวปริณดา  โยธาฤทธิ์ 60010918581 GM ปกติ
4. นางสาวกิตติมา จัดรัมย์ 61010115079 CSD ปกติ
5.นางสาวอนงนาฏ สุภิษะ 60011310014 PO ปกติ
6.นางสาว ญาสุมินทร์ ก่ำกระโทก 59011310169 Po ปกติ



วันนี้ เราจะมาไขข้อข้องใจของหลาย ๆ คนเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด เพื่อคุณจะได้ไม่เข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมอีกต่อไป จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดคืออะไร?

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Oral contraceptive pill หรือ Birth control pill) คือยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ โดยยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีสภาพไม่พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นขึ้น จนเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนตัวของอสุจิให้ไม่สามารถเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้

ยาเม็ดคุมกำเนิดสามารถคุมกำเนิดได้ 100% หรือไม่?

ยาเม็ดคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เต็ม 100% ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 99.7% (มีโอกาสล้มเหลวได้ประมาณ 0.03%) แต่หากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เช่น กินไม่ตรงเวลา ลืมกินยาคุมกำเนิด ฯลฯ อัตราการล้มเหลวทำให้เกิดการตั้งครรภ์จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9%

ยาเม็ดคุมกำเนิดมีกี่ชนิด?

ยาเม็ดคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
เป็นยาคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน รวมกันในเม็ดเดียว ซึ่งแยกออกเป็น 2 แบบ คือ
   1.1)แบบที่มีฮอร์โมนทั้งสองชนิดเท่ากันทุกเม็ด 


เป็นชนิดที่ประกอบด้วยเอสโต รเจนและโปรเจสโตเจนในขนาดคงที่เท่ากันทุกเม็ด ใน 1 ชุดจะมี 21-22 เม็ด และมีสีเดียวกันทั้งหมด แต่บางชนิดอาจเพิ่มเม็ดแป้งหรือยาบำรุงที่มีสีแตกต่างกันออกไปอีก 7 วัน เพื่อกันการลืมกินยาแผงต่อไปเท่านั้น ยาคุมกำเนิดชนิดนี้ มีขายมากกว่า 10 ยี่ห้อ เช่น ยาสมิน (Yasmin), ยาส (Yaz), ไดแอน (Diane), แอนนา (Anna), เมอซิลอน (Mercilon), เมลลิแอน (Meliane), มาวีลอน (Marvelon), ไซเลส (Cilest), และไกเนร่า 

      1.2)แบบที่ฮอร์โมนทั้งสองชนิดไม่เท่ากัน
  • ชนิด 2 ระยะ จะประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณต่างกัน 2 แบบ เพื่อเลียนแบบการหลั่งฮอร์โมนของร่างกาย ในช่วงต้นรอบเดือนจะมีเอสโตรเจนสูงกว่าโปรเจสโตเจน ส่วนช่วงปลายรอบเดือนจะมีโปรเจสโตเจนมากกว่าเอสโตรเจน ซึ่งจะมี 2 สี คือ 7 เม็ดแรกเป็นสีหนึ่ง และ 15 เม็ดหลังเป็นอีกสีหนึ่ง เช่น ยาคุมกำเนิดยี่ห้อออยเลซ (Oilezz)
  • ชนิด 3 ระยะ จะประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณที่ต่างกัน 3 แบบ เพื่อเลียนแบบการหลั่งฮอร์โมนของร่างกายให้มากที่สุด โดยจะมีเอสโตรเจนต่ำอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงต้นและช่วงปลายรอบเดือน ส่วนกลางเดือนจะมีปริมาณเอสโตรเจนมากที่สุด ส่วนโปรเจสโตเจนจะมีปริมาณต่ำในช่วงต้นรอบเดือนและสูงสุดในช่วงปลายรอบเดือน จะมี 3 สี แบ่งเป็น 6 เม็ด 5 เม็ด และ 10 เม็ด รวมเป็น 21 เม็ด (อาจจะมีแป้งเพิ่มอีก 7 เม็ด รวมเป็น 28 เม็ดก็ได้) เช่น ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไตรควีล่าร์ (Triquilar), ไตรนอร์ดิออล (Trinordiol) และไตรไซเลส (Tricilest)

ข้อดีและข้อเสีย จากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม


ข้อดี
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก
  • ทำให้อาการสิวดีขึ้น
  • ปวดประจำเดือนลดลง
  • เพิ่มมวลกระดูก
  • ลดการสร้างฮอร์โมน androgen ที่ทำให้เกิดโรค polycystic ovary syndrome
  • ลดเลือดออกจากมดลูก
  • ลดอาการก่อนประจำเดือน
  • ประจำเดือนมาไม่มาก และตรงเวลา
  • ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการตั้งครรภ์ เช่น ตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือเจ็บเต้านม
ข้อเสีย
  • ไม่สามารถป้องกันโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ รวมทั้งโรคเอดส์
  • เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง
  • เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
  • ผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น ประจำเดือนกระปริดกระปอย แน่นท้อง คัดเต้านม คลื่นไส้ ซึมเศร้า น้ำหนักเพิ่ม

2. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestrogen-only pills – POP)
จะมีโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว เป็นยาคุมกำเนิดที่ทำออกมาเพื่อลดอาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน ยาคุมชนิดนี้หนึ่งแผงจะมี 28 เม็ด กินได้ทุกวันโดยไม่ต้องหยุด เมื่อกินหมดแล้วก็กินแผงใหม่ต่อได้เลย ส่วนใหญ่กินแล้วจะไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน (เพราะไม่มีเอสโตร
เจน) แต่อาจมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอบ้าง หรือประจำเดือนอาจขาดโดยไม่ได้ตั้งครรภ์ก็ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากยานั่นเอง ส่วนชนิดที่มีจำหน่ายก็คือ ยี่ห้อซีราเซท (Cerazette) และยี่ห้อเอ็กซ์ลูตอน (Exluton)


ข้อดีและข้อเสีย จากการใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว

ข้อดี
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง โรคไมเกรน สามารถใช้ยาชนิดนี้คุมกำเนิดได้
  • สามารถใช้ในขณะแม่ให้นมลูกได้
  • เมื่อหยุดยาสามารถตั้งครรภ์ต่อได้
  • ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการตั้งครรภ์ เช่น ตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือเจ็บเต้านม
ข้อเสีย
  • ไม่สามารถป้องกันโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ รวมทั้งโรคเอดส์
  • ประสิทธิภายในการคุมกำเนิดจะน้อยกว่าชนิดฮอร์โมนรวม
  • จะต้องกินเวลาเดิมทุกวัน
  • ผลข้างเคียงของยาได้แก่ ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ ถุงน้ำรังไข่ ความต้องการทางเพศลดลง ปวดศีรษะ เจ็บเต้านม สิว น้ำหนักเพิ่ม ซึมเศร้า มีขนขึ้น
  • หากตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น

3.ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Postcoital pill)
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่ฉุกเฉินจริง ๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และไม่เคยกินหรือฉีดยาคุมมาก่อน สำหรับประสิทธิภาพในการป้องกันจะอยู่ที่ประมาณ 85% หมายความว่าแม้จะรับประทานยาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่ แต่โอกาสจะน้อยลง





วิธีรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด

1. ชนิดแผง 21,22 เม็ด
เริ่มใช้ยาตั้งแต่วันที่ 1ของรอบเดือน(วันแรกของประจำเดือน)ไม่เกินวันที่5 ของรอบประจำเดือนกินทุกวันจนหมดแผง ควรทานเวลาเดียวกันทุกวัน สำหรับชนิด 21 เม็ดให้หยุดยา 7 วัน หยุดยา 6 วันสำหรับชนิด 22 เม็ด ระหว่างหยุดยา 2-4 วันจะมีเลือดประจำเดือนมา เมื่อหยุดยาครบกำหนดให้เริ่มแผงใหม่ตามวิธีเดิม

2. ชนิดแผง 28 เม็ด
เริ่มกินยาในวันแรกของรอบประจำเดือนโดยเริ่มกินเม็ดแรกในส่วนที่ระบุบนแผงว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ยา และกินยาตามทิศทางที่ลูกศรกำกับจนหมดแผง และกินแผงใหม่โดยไม่ต้องหยุดยา

3. ชนิดฉุกเฉิน
การกินยาคุมฉุกเฉินเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด จะต้องกินทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 24 ชั่วโมง แต่หากไม่ทันจริง ๆ ก็สามารถกินภายใน 72 ชั่วโมงได้ แต่จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดน้อยลงกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรรีบกินยาคุมฉุกเฉินทันที


ทำอย่างไรถ้าลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิด?
ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ การลืมกินยาอาจจะทำให้เกิดผลเสีย เช่น ทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยถ้าลืมบ่อย ๆ อาจเกิดการตั้งครรภ์ ดังนั้นควรกินยาเวลาเดียวกันทุกวัน และหากลืมกินยาให้แก้ไขดังนี้

1. ลืมกินยาหนึ่งเม็ดให้กินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามปกติ

2. ลืมกิน 2 เม็ดติดต่อกันในช่วง 2 สัปดาห์แรกให้กินยา 2 เม็ดติดต่อกัน 2 วัน แล้วกินต่อตามปกติจนหมดแผง ห้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย

3. ลืมกินยา 2 เม็ดติดกันในช่วงสัปดาห์ที่ 3 หรือลืมมากว่า 2 เม็ดในช่วงใดก็ตามให้หยุดยาแผงนั้นจนกว่าจะมีประจำเดือนจึงเริ่มแผงใหม่ ให้ใช้ถุงยางอนามัยหรืองดการร่วมเพศ

4. ลืมกินยามากกว่า 2 เม็ดให้หยุดยาคุมแล้วใช้วิธีอื่นคุมกำเนิดเมื่อประจำเดือนมาจึงเริ่มใหม่

การเลือกใช้ยาคุมกำเนิด

1. ผู้ที่มีประจำเดือนมามากและนานกว่าปกติ รอบประจำเดือนสั้น ไม่มีสิวหรือขนตามตัว ขอแนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนสูง ๆ

2. ผู้ที่มีประจำเดือนมาน้อย รอบประจำเดือนยาว มีลักษณะคล้ายเพศชาย เช่น มีสิว ผิวมน และขนดก แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง

3. ผู้ที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ปริมาณปานกลาง มีน้ำหนักตัวปกติ แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีความสมดุลกันระหว่างฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน

4. สำหรับสตรีให้นมบุตร วัยรุ่นที่กลัวผลเสียของยาคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจน และสตรีที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ควรใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เมื่อเลิกให้นมบุตรแล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแทน

คำเตือนของการใช้ยาคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม
  • อาจมีผลข้างเคียงหลังใช้ยา อย่างอาการปวดหัว คลื่นไส้ ปวดบริเวณหน้าอก น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง มีเลือดไหลก่อนถึงรอบประจำเดือน หากอาการเหล่านี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องภายใน 2-3 เดือน ควรเปลี่ยนยา หรือเปลี่ยนไปใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่น
  • ในบางราย อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
  • ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปที่สูบบุหรี่ และผู้ที่กำลังรับยาหรือการรักษาอื่นอยู่ ไม่ควรใช้ยานี้
  • การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนตัวเดียว
  • อาจมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา อย่างผิวเป็นฝ้า กระ ซึ่งอาการจะหายไปภายใน 2-3 เดือน
  • อาจมีผลกระทบต่อประจำเดือน เช่น ประจำเดือนอาจมาผิดปกติ มาน้อยลง หรือมาบ่อยขึ้น
  • ในบางรายอาจมีเลือดไหลก่อนถึงรอบประจำเดือน
  • ไม่ควรใช้ยานี้หากกำลังป่วย คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องร่วงอย่างรุนแรง
  • หากกำลังเข้ารับการรักษาหรือรับยาอื่นอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาคุมกำเนิด
  • การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

ยาคุมฉุกเฉิน

รับประทานยาเม็ดแรกไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากมีการอาเจียนภายใน  2 ชั่วโมงหลังรับประทานยาแต่ละเม็ด  ต้องรับประทานยาใหม่  และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน  4  เม็ด หรือ 2กล่อง ต่อเดือน



อ้างอิง
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/928658